

190 ปี สัมพันธไมตรีไทย-สหรัฐ มุ่งพัฒนาหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ หนุนคสพ.รอบด้านสู่อนาคต
เนื่องในโอกาสครบรอบ 190 ปี ของความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสหรัฐอเมริกาและไทย สถานเอกอัครราชทตูสหรัฐอเมริกาประจําประเทศไทยได้จัดงานแถลงข่าวโต๊ะกลมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีนายโรเบิร์ต เอฟ โกเดค เอกอัครราชทูตสหรัฐประจําประเทศไทยเป็นผู้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ด้านความคืบหน้าทางความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างทั้ง 2 ประเทศ รวมถึงเน้นย้ำภารกิจสำคัญซึ่งครอบคลุมหลายด้านในการสานพันธไมตรีให้แน่นแฟ้นต่อไปในอนาคต
ท่านทูตโกเดค ที่เพิ่งได้รับการยืนยันโดยวุฒิสภาให้เป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐ ประจำประเทศไทยคนล่าสุด เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2565 กล่าวเปิดงานด้วยการทักทายและขอบคุณสื่อมวลชนที่มาร่วมการแถลงข่าวนี้ และว่า หลังจากที่ตนมีโอกาสเดินทางไปเยือนที่ต่างๆ ทั่วประเทศ และพบปะกับชาวไทยจากทุกภาคส่วนตลอดเวลา 9 เดือนที่ผ่านมา ก็ได้สัมผัสกับความสวยงามของวัฒนธรรมไทย ความสง่างาม ความอบอุ่น พลังงาน ความคิดสร้างสรรค์ และค่านิยมของคนไทย
จากการได้มีปฏิสัมพันธ์เหล่านี้ ท่านทูตโกเดคจึงรับรู้ได้อย่างประจักษ์แจ้งว่าความสัมพันธ์ระหว่างเราสองประเทศนั้นหยั่งรากลึกและผูกพันซึ่งกันและกัน โดยตลอด 190 ปีที่ไทยและสหรัฐมีสัมพันธไมตรีทางการทูตต่อกัน ต่างก็บรรลุผลสำเร็จมากมายร่วมกันเรื่อยมา เฉพาะปีที่แล้วเพียงปีเดียว ไทยเป็นเจ้าภาพต้อนรับบุคคลสำคัญต่างๆ ได้แก่ รองประธานาธิบดีสหรัฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐ เจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดด้านการค้า และผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐ อีกทั้ง พวกเรายังได้ลงนามในแถลงการณ์ว่าด้วยความเป็นพันธมิตรและหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกาเพื่อดำเนินความสัมพันธ์ร่วมกันต่อไปในศตวรรษที่ 21 ในภาพรวมปัจจุบัน ไทยและสหรัฐยังบรรลุความร่วมมือที่ยอดเยี่ยมทั้งด้านการค้า การลงทุน สุขภาพ การบังคับใช้กฎหมาย การศึกษา ความมั่นคง และอื่นๆ อีกมากมาย
แน่นอนว่าสิ่งที่ได้รับความสำคัญสูงสุดตั้งแต่อดีตเรื่อยไปในอนาคตคือการขยายความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุน โดยเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา กรุงเทพเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม Trade Winds ซึ่งมีคณะผู้แทนการค้าคณะใหญ่ที่สุดจากสหรัฐร่วมเดินทางมายังไทย
“ตอนที่ผมกลับไปกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อไม่กี่วันก่อน และได้พบกับหอการค้าสหรัฐ และสภาธุรกิจสหรัฐ-อาเซียน มีการเน้นย้ำถึงความสนใจของธุรกิจสหรัฐ ที่มีต่อประเทศไทยเป็นอย่างมาก ความสนใจดังกล่าวสะท้อนให้เห็นจากการค้าและการลงทุนที่ขยายตัวขึ้น” ท่านทูตโกเดคกล่าว
สหรัฐยังเป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของไทย โดยตัวเลขการค้าระหว่างสองประเทศเติบโตร่วม 50% ตลอดสองปีที่ผ่านมา ตัวอย่างที่ชัดเจนคือการขยายตัวด้านการส่งออก โดยมีการส่งออกส้มโอชุดแรกออกจากกรุงเทพไปยังซูเปอร์มาร์เก็ตในสหรัฐเมื่อคืนที่ผ่านมา
อีกเรื่องที่สหรัฐให้ความสำคัญคือการยกระดับการแลกเปลี่ยนทางการศึกษา ท่านทูตโกเดคหวังที่จะพานักศึกษาและคณาจารย์ไทยไปยังสหรัฐ ขณะที่นำนักศึกษาชาวอเมริกันมาไทยมากขึ้น ในเดือนมีนาคมจึงได้มีการจัดการประชุมระหว่างสถาบันการศึกษาไทย-สหรัฐ 80 แห่ง เพื่อพูดคุยถึงหนทางยกระดับการแลกเปลี่ยนและโครงการวิจัยต่างๆ ร่วมกัน และสนับสนุนการดำเนินการดังกล่าวให้เป็นรูปธรรมในอนาคต
นอกจากนี้ ไทยและสหรัฐยังทำงานร่วมกันเพื่อรับมือกับความท้าทายด้านสุขภาพโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหยุดยั้งการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ของโรคโควิด-19 และความร่วมมือกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหาร (AFRIMS) ที่ก่อให้เกิดการค้นพบครั้งใหม่เกี่ยวกับโรค HIV-AIDS มาลาเรีย และโรคติดเชื้ออื่น ๆ
ในด้านความมั่นคง ท่านทูตโกเดคกล่าวว่าทั้งสองชาติมีความมุ่งมั่นที่แข็งแกร่งร่วมกันต่อความเป็นหุ้นส่วนด้านความมั่นคงและการเตรียมความพร้อมสำหรับวิกฤติการณ์ด้านมนุษยธรรมและภัยพิบัติทางธรรมชาติ ดังจะเห็นได้จากการฝึกซ้อมคอบร้าโกลด์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการฝึกซ้อมครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี
ขณะที่เมื่อมองไปข้างหน้า ก็ปรากฏโอกาสความร่วมมือที่จะเป็นคุณประโยชน์ต่อทั้งไทยและสหรัฐในอนาคต อาทิ การส่งเสริมความร่วมมือด้านโลกดิจิทัล อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ พลังงานสะอาด และการวิจัยด้านอวกาศ เป็นต้น
ท่านทูตโกเดคยังกล่าวแสดงความยินดีที่คนไทยออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งเป็นจำนวนมาก แสดงถึงเจตจำนงของผู้คนที่ต้องการให้เสียงของตนเป็นที่ประจักษ์ สอดคล้องกับหนึ่งในค่านิยมขั้นพื้นฐานของสหรัฐที่ให้การสนับสนุนการเลือกตั้งที่เสรี เป็นธรรม น่าเชื่อถือ และครอบคลุม
อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ผ่านมาเกิดข้อกังวลขึ้นในสังคมไทยจากการที่มีผู้กล่าวอ้างว่าสหรัฐแทรกแซงการเมืองไทย ท่านทูตโกเดคปฏิเสธประเด็นดังกล่าวอย่างหนักแน่นว่าไม่เป็นความจริง พร้อมยืนยันว่าไม่มีการแทรกแซงทางการเมืองไทยไม่ว่าทางใดก็ตาม หรือมีการสนับสนุนนักการเมืองหรือพรรคการเมืองใดเป็นพิเศษ
“สำหรับข้อกล่าวอ้างถึงทฤษฎีสมคบคิดที่เป็นอันตรายและมีมาอย่างต่อเนื่องนั้น ผมขออธิบายให้ชัดเจนว่า เราปฏิเสธข่าวลือที่เป็นเท็จว่าสหรัฐแทรกแซงการเลือกตั้งของไทย เราไม่ได้ให้การสนับสนุนผู้ลงสมัคร หรือพรรคการเมืองใดๆ เราสนับสนุนเฉพาะกระบวนการประชาธิปไตยเท่านั้น และมันขึ้นกับคนไทยเองเท่านั้นที่จะเลือกรัฐบาลของตัวเอง” ท่านทูตโกเดคกล่าว
ท่านทูตโกเดคกล่าวด้วยว่า คนไทยเหมือนกับคนอเมริกันตรงที่เราให้ความสำคัญกับเสรีภาพ ความยุติธรรม ประชาธิปไตย และอำนาจอธิปไตย และเราตั้งตารอที่จะได้ทำงานร่วมกับรัฐบาลชุดใหม่ต่อไป
นอกจากนี้ ท่านทูตโกเดคแบ่งปันด้วยว่า ในวันที่ 14 พฤษภาคมซึ่งเป็นวันเลือกตั้ง ตนเดินทางไปยังคูหาต่างๆ ในกรุงเทพฯ เพื่อสัมผัสบรรยากาศการเลือกตั้งในประเทศไทยซึ่งไปอย่างราบรื่น แม้จะมีคนไทยจำนวนหลายสิบล้านคนมาร่วมเลือกตั้งในวันนั้น ส่วนในเรื่องความคาดหวังต่อรัฐบาลชุดใหม่ของไทย คงเป็นเรื่องของการดำเนินงานตามเป้าหมายที่มีในปัจจุบัน โดยเฉพาะแถลงการณ์ว่าด้วยความเป็นพันธมิตรและหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างไทยและสหรัฐที่ลงนามในช่วงก่อนหน้า การยกระดับความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนผ่านการพูดคุยกันอย่างต่อเนื่องเพื่อหาช่องทางและโอกาสระหว่างภาคธุรกิจสหรัฐและไทย รวมถึงผ่านกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก (IPEF) ที่กำลังดำเนินการในปัจจุบัน การสนับสนุนงานด้านการเกษตร การพัฒนาด้านดิจิทัล การแลกเปลี่ยนทางการศึกษา และอื่นๆ อีกมากมาย
ต่อคำถามที่ว่าสหรัฐจะรับมือกับข้อมูลเท็จที่เกี่ยวข้องกับการแทรกแซงการเมืองไทยได้อย่างไรนั้น ท่านทูตโกเดคกล่าวว่า หัวใจสำคัญคือความโปร่งใส สหรัฐมุ่งมั่นที่จะพูดถึงนโยบายและความร่วมมือกับไทยต่อสาธารณะอย่างเปิดเผย ซึ่งไม่ได้จำกัดแค่ความสัมพันธ์ระดับรัฐบาล แต่ยังรวมถึงการติดต่อกันกับภาคเอกชน ภาคการศึกษา ภาคประชาสังคมอื่นๆ ด้วย
ท่านทูตโกเดคตอบคำถามเกี่ยวกับความร่วมมือเศรษฐกิจว่า ในขณะนี้มีความก้าวหน้าอย่างมาก ทั้งจากกรอบความร่วมมือ IPEF แล้วตัวเลขการลงทุนของภาคธุรกิจสหรัฐในไทยใหม่ในปีที่แล้วที่สูงหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรวมถึงการลงทุนของ Amazon Web Services (AWS) ขณะที่การค้าแบบทวิภาคีก็เติบโตขึ้นราว 25%เช่นกัน ด้านอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ท่านทูตโกเดคกล่าวว่า ไทยมีบทบาทที่ค่อนข้างสำคัญในด้านนี้ เนื่องจากเป็นผู้ส่งออกเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่อันดับ 6 ของสหรัฐ แน่นอนว่าไทยยังมีความท้าทายในด้านดังกล่าวที่ต้องรับมือแต่สหรัฐเชื่อว่ายังไทยยังมีโอกาสและสภาพแวดล้อมที่สามารถดึงดูดเงินทุนในด้านนี้ได้
ในประเด็นไทยและอาเซียน ท่านทูตโกเดคกล่าวว่า สหรัฐอเมริกาให้ความสำคัญและเคารพต่อความเป็นแกนกลางของอาเซียนและภาวะผู้นำของไทยในองค์กรความร่วมมือภูมิภาคนี้ แน่นอนว่าอาเซียนมีบทบาทสำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งสหรัฐมีปฏิสัมพันธ์อย่างใกล้ชิด พร้อมเน้นย้ำภาวะผู้นำของไทยต่อประเด็นวิกฤตการณ์ในเมียนมาที่กระทบต่อชีวิตผู้คนภายในประเทศ จึงเป็นโอกาสให้พวกเราทั้ง 2 ชาติทำงานร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหานี้ นอกจากนี้ไทยยังสามารถแสดงบทบาทเป็นผู้นำในการรับมือปัญหาอื่น เช่น ปัญหาสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
ต่อประเด็นการเปิดเวทีถกวิกฤตเมียนมาอย่างไม่เป็นทางการโดยไทย สหรัฐตระหนักถึงความพยายามของไทยในการหาทางแก้ปัญหาวิกฤตการณ์ในเมียนมาที่จะต้องสิ้นสุดลง ด้วยการเปิดเวทีถกประเด็นดังกล่าวกับชาติอื่นๆ ในอาเซียน การประชุมครั้งล่าสุดท่านทูตโกเดคเข้าใจว่าไม่ใช่ความริเริ่มของอาเซียน ขณะที่สหรัฐจะยังโอบรับความพยายามของอาเซียนในการรับมือกับวิกฤตเมียนมานี้ รวมถึงจะยังคงเรียกร้องให้องค์กรความร่วมมือดังกล่าวมองว่าระบอบเผด็จการทหารต้องรับผิดชอบเหตุการณ์ในประเทศและยึดมั่นต่อหลักฉันทามติ 5 ข้อเพื่อสร้างสันติภาพในเมียนมา
The post 190 ปี สัมพันธไมตรีไทย-สหรัฐ มุ่งพัฒนาหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ หนุนคสพ.รอบด้านสู่อนาคต appeared first on มติชนออนไลน์.
Source: Matichon
