ความคืบหน้ากรณีนางสาวณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ ถูกนำบัตรประชาชนไปเปิดบัญชีธนาคารเพื่อรับเงินจากเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ วันนี้ตำรวจภาค 6 ลงพื้นที่หลายธนาคาร เพื่อติดตามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และเรียกผู้เสียหายที่ถูกนำบัตรประชาชนไปเปิดบัญชีจนถูกดำเนินคดีเข้าให้ปากคำเพิ่มเติม
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 เปิดเผยว่า วันนี้ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 6 ลงพื้นที่หลายธนาคาร ที่มีข้อมูลว่าเป็นบัญชีของแก๊งคอลเซนเตอร์ ในกรุงเทพมหานคร และสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง พร้อมตรวจหาภาพจากกล้องวงจรปิด เพื่อเป็นพยานหลักฐานในด้านธุรกรรมทางการเงิน ว่าใครคือผู้ที่ถอนเงิน หรือกดเงินออกจากตู้เอทีเอ็มตัวจริง พร้อมทั้งได้ออกหมายเรียก นางสาวขวัญ ทองน้อย และนายธีระภัทร นนท์งามวงษ์ ให้เข้าให้ปากคำในฐานะผู้ถูกกล่าวหา หลังตำรวจพบว่าทั้ง 2 คน มีชื่อในการเปิดบัญชี รับเงินจากผู้เสียหาย
เช่นเดียวกับ นางสาวนิชา เกียรติธนะไพบูลย์ ที่ออกมาเรียกร้องว่าถูกตำรวจ สภ.บ้านตาก จังหวัดตาก ดำเนินคดี ทั้งที่ไม่มีส่วนรู้เห็น ซึ่งชุดทำงานต้องหาพยานหลักฐานให้รอบคอบ และยืนยันว่าจะดำเนินการตามขั้นตอนเช่นเดียวกับนางสาวนิชา ส่วนขั้นตอนทางกฎหมายนั้น เมื่อเงินเข้าบัญชีผู้ใด ผู้นั้นจะเป็นผู้ถูกกล่าวหา
ส่วนกรณีของนางสาวนิชานั้น พนักงานสอบสวนได้ทำตามขั้นตอนเพราะออกหมายเรียกไปถึง 2 ครั้ง แต่นางสาวนิชาไม่เข้ามาชี้แจง ทำให้ต้องออกหมายจับ เพราะหากตำรวจไม่ดำเนินการใด ๆ ก็ถือว่าเป็นการละเลยต่อหน้าที่ ทั้งนี้หากพนักงานสอบสวนพบพยานหลักฐานใหม่ ที่ยืนยันความบริสุทธิ์ได้ ก็สรุปสำนวนมีความเห็นไม่สั่งฟ้อง แต่ตลอดระยะเวลาที่เป็นคดีความนางสาวนิชา กลับไม่นำหลักฐานทั้งภาพวงจรปิด หลักฐานการแจ้งความบัตรประชาชนหาย เข้าชี้แจงกับตำรวจ แต่กลับไปปรากฎตามสื่อต่าง ๆ แทน จากนี้พนักงานสอบสวนจะเรียกตัวนางสาวนิชาเข้าให้การเพิ่มเติมด้วย
นอกจากนี้ จะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการทำงานแต่ละขั้นตอนของตำรวจที่ทำงานว่ามีความบกพร่องในการรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งขั้นตอนการออกหมายเรียก แล้วนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขัง โดยให้ตรวจสอบการทำงานของตำรวจไปตามที่นางสาวนิชาร้องเรียน ส่วนประชาชนทั่วไป หากบัตรประชาชน หรือเอกสารราชการสูญหาย ควรเข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน หากตำรวจไม่รับแจ้งความให้ร้องเรียนผู้บังคับบัญชา และสำนักงานตำรวจแห่งชาติทันที