
วิโรจน์ควงสหพันธ์ขนส่งทางบกนำข้อมูลส่วยสติกเกอร์มอบจเรตำรวจ เร่งตรวจสอบสอบให้แล้วเสร็จในครึ่งเดือน
เมื่อเวลา 12.45 น.วันที่ 8 มิถุนายน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล และนายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เข้าพบ พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ(จตช.) เพื่อให้ข้อมูลและเอกสารเกี่ยวกับส่วยสติกเกอร์รถบรรทุกทั่วประเทศ
นายวิโรจน์ เปิดเผยว่า ได้นำข้อมูลเบาะแสที่รวบรวมจากพลเมืองดี และของสหพันธ์ฯ มามอบให้จเรตำรวจแห่งชาติตรวจสอบว่า ข้อมูลที่ตำรวจและของพวกตนมีนั้นครบถ้วนและตรงกันหรือไม่ ซึ่งไม่มีความกังวลใดเพราะได้รับการประสานงานที่ดีทั้งคณะทำงานจเรตำรวจและตำรวจสอบสวนกลาง
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่นำมานั้นเป็นเบาะแสปลายทาง ซึ่งการขยายผลเชิงลึกจะต้องเป็นหน้าที่ของตำรวจซึ่งสามารถใช้เทคโนโลยีและกำลังตามท้องที่ จะมีประสิทธิภาพกว่า ทั้งนี้เชื่อว่าตำรวจมีข้อมูลเชิงลึกและไกลกว่าที่พวกตนมีแล้ว ส่วนตัวก็คาดหวังว่าการหารือในวันนี้จะทำให้การเรียกรับผลประโยชน์จะต้องหมดไป และปัญหาการเรียกรับผลประโยชน์อื่น ๆ เช่น โรงโม่หิน บ่อดิน บ่อทราย ผู้ค้าขายหินทรายซึ่งสนับสนุนการกระทำผิดกฎหมาย ก็จะต้องถูกดำเนินคดี และยึดใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน(ร.ง.4)
นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า ยังมีประเด็นเรื่องการค้าสำนวนของพนักงานสอบสวนบางคน ที่ทำสำนวนเรียกรับผลประโยชน์ เช่น รถบรรทุกบางคัน บรรทุกน้ำหนักเกินเพียง 100-200 กิโลกรัม คนทั่วไปคงเข้าใจได้ว่าไม่มีเจตนาทำผิดกฎหมาย เพราะน้ำหนักจะเกินแต่ละครั้งต้องเกินเป็นตัน แต่พนักงานสอบสวนบางคนนำไปใส่ในสำนวนเพื่อเรียกรับผลประโยชน์ และสร้างสัญญาเช่าเท็จจากคนขับรถเปลี่ยนเป็นคนเช่ารถ เพื่อให้รถไม่ต้องถูกยึด และเรื่องนี้ยังพัวพันไปถึงอัยการบางคน เช่น การที่คดีความไปถึงศาลชั้นต้น พิพากษาโทษปรับ แต่อัยการยังยื่นอุทธรณ์เพื่อให้รถโดนยึด และยังมีรถบรรทุกน้ำหนักเกินเป็นตัน ก็มีอภินิหารให้โดนเพียงโทษปรับได้ มองว่ารถคันหนึ่งราคาเป็นล้านบาท หากโดนยึดเพราะบรรทุกน้ำหนักเกินเพียงไม่กี่กิโลกรัมอาจไม่เป็นธรรม จึงต้องไปตรวจสอบกฎหมายและแก้ไขครั้ง แต่จะเหมารวมผู้ประกอบการว่าทำผิดกฎหมายทั้งหมดไม่ได้ เพราะหลายคนก็อยู่ในภาวะจำยอมต่อสภาพเพราะมีระบบแบบนี้เกิดขึ้น
นายอภิชาติ กล่าวว่า สหพันธ์ฯ มีข้อตกลงร่วมกันกับสมาชิกคือจะไม่ทำผิดกฎหมาย หากพบสมาชิกรายใดทำผิดก็จะขับไล่ออกจากสหพันธ์แน่นอน ส่วนกรณีที่ทีผู้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงสหพันธ์นั้น ตนอยากให้มาพบเพื่อพูดคุยกัน เพราะระบบส่วยฝังรากลึกมานาน จะเหมารวมว่าทุกคนทำผิดไม่ได้ ต้องตรวจสอบก่อน โดยวันนี้ได้ส่งข้อมูลให้จเรมาดูว่ามีข้อผิดพลาดใดหรือไม่ ยืนยันไม่มีนัย เพราะได้ต่อสู้มาถึง 20 ปีแล้ว ทั้งนี้มองว่าเจ้าหน้าที่ต้องมีความจริงจังในการแก้ปัญหา เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีจเรตำรวจมารับเรื่องเช่นนี้ พร้อมยังรับปากว่าจะแก้ไข โดยเราก็พร้อมส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ร่วมกัน
นายอภิชาติ กล่าวถึงกรณีการจับกุมรถบรรทุกน้ำมันเถื่อนด้วยว่าไม่เกี่ยวข้องกันกับเรื่องส่วยสติกเกอร์ครั้งนี้ เพราะรถบรรทุกในประเทศไทยมี 1 ล้าน 5 แสนคัน แต่สมาชิกสหพันธ์มีเพียง 1 ใน 3 ส่วน และไม่สามารถไปดึงคนอื่นเข้ามาร่วมได้ เพราะสหพันธ์เรามีข้อตกลงร่วมกัน แต่บางบริษัทหรือหน่วยงานอื่น อาจมีความจำเป็นต้องทำผิดกฎหมายเพื่อการแข่งขันทางธุรกิจ
พล.ต.อ.วิสนุ กล่าวว่า หลังได้รับข้อมูลแล้วคณะทำงานของจเรตำรวจและตำรวจสอบสวนกลางจะนำไปตรวจสอบว่าการพาดพิงไปถึงผู้ใดบ้าง พร้อมนำข้อมูลที่ได้รับมาประกอบกัน โดยจะเร่งตรวจสอบภายใน 15 วันก่อนรายงานผลให้ทราบ ซึ่ง ผบ.ตร.สั่งกำชับให้ดูแลให้ดีที่สุดและให้ผู้กระทำผิดได้รับความเป็นธรรม ส่วนตำรวจนายใดที่กระทำผิดก็จะดำเนินการตามขั้นตอน เช่นเดียวกับกรณีภรรยารองผู้บังคับการตำรวจภูธรนครปฐม ที่มีข่าวว่าเป็นผู้ผลิตสติกเกอร์ส่วย เบื้องต้นตอนนี้ยังไม่ทราบว่ามีตำรวจยศสูงกว่าระดับ พ.ต.อ.ทำผิดหรือไม่
พล.ต.อ.วิสนุกล่าวว่า การนัดหมายครั้งนี้ เพื่อให้นายวิโรจน์ และ กลุ่มสมาพันธ์รถบรรทุกแห่งประเทศไทย ครั้งนี้ ได้นำข้อมูลและเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อมอบให้ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงจาก ทั้ง 2 ชุด ได้รับทราบในคราวเดียว ประกอบด้วย
1.คณะกรรมการจากสำนักงานจเรตำรวจ นำโดย พล.ต.ท.ฎิษพจน์ อิศรางกูล ณ อยุธยา ประธานกรรมการ
2. คณะกรรมการจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นำโดย พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก. ประธานกรรมการ
ซึ่งคณะกรรมการฯทั้ง 2 ชุด จะนำข้อมูลที่ได้ในวันนี้ ไปดำเนินการตรวจสอบแบบคู่ขนาน และแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ซึ่งจะมีการเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจ และพยานที่เกี่ยวข้องอื่นๆมาพบ เพื่อบันทึกถ้อยคำ และจะเร่งรัดดำเนินการตรวจข้อสอบให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ได้กำชับให้คณะกรรมการ ทั้ง 2 ชุด ดำเนินการให้อยู่ภายในกรอบของ กฎ ระเบียบ กฎหมายอย่างเคร่งครัด ให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย หากพบว่ามีข้าราชการตำรวจรายใด หน่วยใด มีส่วนเกี่ยวข้อง รู้เห็นเป็นใจ หรือ เรียกรับผลประโยชน์ตามข้อร้องเรียนจริง ก็ให้รายงานและดำเนินการทั้งวินัย และ อาญา ภายในอำนาจโดยเด็ดขาด เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง และสามารถตอบคำถามสังคมได้
พล.ต.อ.วิสนุ กล่าวว่า ในขณะเดียวกันหากผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่ามีข้าราชการหน่วยงานอื่นมีส่วนเกี่ยวข้อง รู้เห็นเป็นใจ หรือ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กระทำผิด ก็จะส่งเรื่องให้ต้นสังกัดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
The post วิโรจน์ควงสหพันธ์ขนส่งทางบกนำข้อมูลส่วยสติกเกอร์มอบ ‘บิ๊กหิน’ เร่งตรวจสอบจบในครึ่งเดือน appeared first on มติชนออนไลน์.
Source: Matichon
