
เนื่องจากประกันภัยรถยนต์นั้นมีอยู่หลายแผนให้เลือกซื้อกัน เราเชื่อว่าหลาย ๆ คน โดยเฉพาะมือใหม่หัดขับ อาจจะกำลังสงสัยอยู่ว่าประกันรถยนต์ชั้น 1 2 3 แตกต่างกันอย่างไร? และแต่ละแผนเหมาะกับรถยนต์แบบไหนบ้าง? วันนี้เราจึงจะมาคลายข้อสงสัยในเรื่องนี้ให้ทราบกัน!
ประกันรถยนต์มีกี่ประเภท? แต่ละประเภทเหมาะกับใคร?
ประกันรถยนต์มีทั้งหมด 5 ประเภทด้วยกัน คือ ประกันรถยนต์ชั้น 1, ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+, ประกันรถยนต์ชั้น 2, ประกันรถยนต์ชั้น 3+ และประกันภัยรถยนต์ 3 ซึ่งประกันภัยรถยนต์แต่ละประเภทจะมีความแตกต่างกันที่ “ความครอบคลุมในการคุ้มครอง” บางแผนอาจจะครอบคลุมเฉพาะคู่กรณี บางแผนอาจจะคุ้มครองเฉพาะผู้ทำประกัน บางแผนก็ครอบคลุมหมดทุกอย่าง ฯลฯ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากที่สุด เหมาะสำหรับรถใหม่ป้ายแดง และมือใหม่หัดขับเป็นอย่างยิ่ง เพราะรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ของผู้เอาประกันทุกกรณี และรวมถึงรถยนต์ของคู่กรณีด้วยเช่นกัน ทำให้ค่าใช้จ่ายของประกันรถยนต์ชั้น 1 นั้นสูงที่สุด แต่ก็คุ้มค่ามากที่สุดเช่นเดียวกัน (อ่านเพิ่มเติม : เลือกประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ไหนดี?)
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+
ประกันรถยนต์ชั้น 2+ ให้ความคุ้มครองแทบจะเหมือนกับประกันรถยนต์ชั้น 1 ทุกอย่าง ยกเว้นกรณีที่รถยนต์ของผู้เอาประกันชนกับอย่างอื่นที่ไม่ใช่พาหนะทางบก เช่น ชนข้างทาง ชนต้นไม้ ชนรถเข็นขายของ ฯลฯ เหมาะกับคนที่ขับรถเก่งในระดับหนึ่ง ไม่ชนข้างทางหรือสิ่งกีดขวางบ่อย ๆ รวมถึงรถยนต์ที่มีอายุการใช้งาน 7 ปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 15 ปีด้วย
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 คุ้มครองคู่กรณีทุกอย่าง ทั้งการบาดเจ็บ ชีวิตร่างกาย และทรัพย์สิน ส่วนการคุ้มครองรถของผู้เอาประกันจะคุ้มครองเฉพาะกรณีที่รถหาย รถถูกขโมย รถถูกไฟไหม้ ซึ่งจะไม่คุ้มครองในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุและกรณีที่ผู้เอาประกันเป็นฝ่ายผิด ดังนั้น ประกันรถยนต์ชั้น 2 จึงเหมาะกับผู้ที่ขับรถเก่ง มีความชำนาญในเส้นทาง หรือไม่ค่อยได้ใช้งานรถยนต์เท่าไหร่นัก
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+
ประกันรถยนต์ชั้น 3+ เหมาะกับรถที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 10 ปีขึ้นไป ไม่ค่อยได้ใช้งาน หรือผู้ที่ต้องการประหยัดงบในการซื้อเบี้ยประกันภัย เนื่องจากประกันรถยนต์ชั้น 3+ จะคุ้มครองรถของผู้เอาประกัน ในกรณีที่รถชนกับรถด้วยกันเท่านั้น ไม่คุ้มครองและไม่รับผิดชอบความเสียหายในกรณีที่รถสูญหาย ไฟไหม้ เจอน้ำท่วม หรือชนกับสิ่งกีดขวางต่าง ๆ ในส่วนของคู่กรณี จะรับผิดชอบเฉพาะกรณีที่ผู้เอาประกันเป็นฝ่ายผิดเท่านั้น
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3
ประกันรถยนต์ชั้น 3 เป็นแผนที่มีค่าใช้จ่ายถูกที่สุด เพราะรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นกับคู่กรณีเท่านั้น ทั้งชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน (ในกรณีที่ผู้เอาประกันเป็นฝ่ายผิด) แต่ก็จะรับผิดชอบตามวงเงินที่ระบุไว้เท่านั้น ซึ่งจะไม่คุ้มครองผู้เอาประกันในทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายผิด ฝ่ายถูก หรือเกิดความเสียหายต่อรถและทรัพย์สินมากเพียงใดก็ตาม เหมาะกับรถยนต์ที่จอดไว้ในที่ปลอดภัย ไม่ค่อยนำออกมาใช้งาน
บทสรุป
ประกันภัยรถยนต์เป็นสิ่งที่คนมีรถทุกคนควรมีติดไว้ เรียกได้ว่าสำคัญมาก ๆ เลยทีเดียว จากข้อมูลต่าง ๆ ในบทความนี้ที่เราได้แนะนำกันไป เชื่อว่าผู้อ่านทุกท่านคงจะทราบกันแล้วว่าประกันรถยนต์ชั้น 1 2 3 แตกต่างกันอย่างไร? สามารถเลือกแผนประกันภัยรถยนต์ตามความเหมาะสมกับการใช้งาน อายุของรถยนต์ และงบประมาณที่มีได้เลย! หรือถ้าจะให้เราแนะนำ ขอแนะนำให้ทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เพราะคุ้มครองครบครันมากที่สุดนั่นเอง
The post ประกันรถยนต์ชั้น 1 2 3 ต่างกันยังไง? appeared first on มติชนออนไลน์.
Source: Matichon
