วันนี้หลายพื้นที่ในกรุงเทพฯ ยังเผชิญกับปัญหาค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก 2.5 ไมครอน ในอากาศสูงเกินมาตรฐานทุกสถานีตรวจวัด และภาพถ่ายดาวเทียมพบจุดความร้อนหรือฮอตสปอต 27 จุดรอบกรุงเทพมหานคร
ได้แก่เขตบางนา, เขตวังทองหลาง, เขตปทุมวัน, เขตธนบุรี, เขตวังทองหลาง และริมถนนพญาไท เขตราชเทวี มีค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร สูงสุดอยู่ที่ 85 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เมื่อเวลา 15.00 น. บริเวณริมถนนอินทรพิทักษ์ เขตธนบุรี
ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กสูงเกินค่ามาตรฐานในเขตกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมกราคมจนถึงปัจจุบัน ถือว่าเกิดขึ้นเร็วกว่าปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งมาจากสภาพอากาศที่เป็นช่วงรอยต่อฤดูกาล มวลอากาศเย็นแผ่เข้ามา มีหมอกมาก ความชื้นสูง ส่งผลให้มีฝุ่นละอองสะสมในบรรยากาศเพิ่มสูงขึ้น แต่สาเหตุหลักสำคัญ ได้แก่ ควันไอเสียจากการจราจรซึ่งมียานพาหนะจดทะเบียนใน กทม. เกือบ 10 ล้านคัน และเป็นเครื่องยนต์ดีเซลถึงร้อยละ 25 ส่วนแหล่งกำเนิดอื่น ๆ ได้แก่อุตสาหกรรม และการเผา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันว่า ขณะนี้จะยังไม่พบผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงหรือเสียชีวิตจากผลกระทบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล แต่ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้หน่วยงานในสังกัดเฝ้าระวัง โรคระบบทางเดินหายใจ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเยื่อบุตาอักเสบ และโรคผิวหนัง และติดตามเยี่ยมผู้ป่วยที่มีอาการติดเตียงในวันที่มีค่าฝุ่นละอองสูงเกินมาตรฐาน แม้จะเกิดปัญหาฝุ่นละอองแต่ประชาชน ยังคงสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติ เพราะค่าเกินมาตรฐานไม่ได้สูงอยู่ตลอดเวลา
ขณะที่กรุงเทพมหานคร ได้เพิ่มความถี่การทำความสะอาดถนนบริเวณที่ตรวจพบค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐานและพื้นที่ใกล้เคียงทุกวัน พร้อมขอความร่วมมือ ลดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่นละออง เช่นการก่อสร้าง การเผาในที่ต่าง ๆ โดยภาพถ่ายดาวเทียมพบจุดความร้อนหรือฮอคสปอต 27 จุดรอบกรุงเทพมหานคร
สำหรับประชาชนในกลุ่มเสี่ยง ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ และเด็กเล็ก หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรืออยู่ในบริเวณที่มีฝุ่นละอองเป็นเวลานาน สวมหน้ากากเมื่ออยู่นอกอาคาร หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์
ข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่า หลังจากนี้จะเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูร้อน อากาศจะลอยตัวสูงขึ้นกว่าเดิม ทำให้สถานการณ์ฝุ่นละอองมีแนวโน้มดีขึ้น
